» » » » มุ่งหน้าสู่วันฟ้าใส ที่ Biei (หลงญี่ปุ่นตุลา 57)

มุ่งหน้าสู่วันฟ้าใส ที่ Biei (หลงญี่ปุ่นตุลา 57)

posted in: Colourful Scenery | 0

มาแล้ว มาแล้ว หลังจากหายไปหนึ่งเดือนกว่า ๆ เพราะคุณแม่มีงานแปลเข้าแบบหฤโหดต่อเนื่องยาวนานเหมือนหนังไตรภาคเลยทีเดียว ตอนนี้เพิ่งถึงภาคสองเองด้วย แต่ขอแว้บมาเล่าต่อถึงวันที่สาม (อะไรนะ เพิ่งเล่าถึงวันที่สาม จากทั้งหมด 12 วัน จริงอ่ะ) ของการตลุยญี่ปุ่นฉบับครอบครัวของเรา

และแล้ววันฟ้าใสก็มาถึง หลังจากชุ่มฉ่ำกันสองวันเต็ม เช้าวันที่สาม จุดหมายปลายทางของเราคือ Biei เราแวะโรงงานทำชอกโกเลต Shiroi Koibito Park ก่อน เพราะเป็นทางผ่าน ปรากฏว่าคนเยอะมากมายมหาศาล สี่คนพ่อแม่ลูกอยู่ที่นี่พอเป็นพิธี พิธีอะไร ก็พิธีชิมซอฟต์ครีมครั้งที่ 4 ของสามพ่อลูก ควบคู่ไปกับพิธีชอปปิ้งด่วนของคุณแม่ภายในเวลาที่สามหนุ่มจัดการซอฟต์ครีมเสร็จนั่นแหละ พอจบพิธี คุณพ่อถ่ายรูปเป็นหลักฐานว่ามาแล้วนะ จากนั้นมุ่งหน้าต่อเพื่อมื้อกลางวันที่ Asahikawa Ramen Village

แต่เดี๋ยวก่อน จาก Sapporo ไป Asahikawa ใช้เวลาขับรถเกือบสองชั่วโมง เราจึงเห็นพ้องต้องกันว่าควรแวะจัดการซอฟต์ครีมครั้งที่ 5 ที่จุดพักรถระหว่างทางน่าจะดี (ซึ่งก็ดีจริง ๆ เพราะน้องโรมหยุดบ่นเรื่องเบื่อนั่งรถนานไปได้พักใหญ่)

เมื่อมาถึง Ramen Village เราเดินวนรอบอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีแต่ร้านขายราเมง ซึ่งคนแน่นทุกร้าน ละมีอยู่หนึ่งร้านที่มีคนต่อแถวยาวเหยียดออกมาให้สงสัยว่า อะไรมันจะอร่อยจนอดทนรอกันได้ขนาดนั้น ครอบครัวเราไม่สนใจเพราะกฎข้อที่สามของเราคือ ทานได้ทุกอย่าง ไม่เลือก ไม่เรื่องมาก สรุปเข้าร้านที่มีที่นั่งว่างก็พอ ขนาดไม่เรื่องมาก แค่ขอมีที่นั่งว่าง ยังต้องรอจนร้านที่สามนั่นแหละ เพราะสองร้านแรกแค่โผล่หน้าเข้าไป พนักงานในร้านออกมายกมือเป็นรูปกากบาทใส่หน้าเรา แบบว่าเต็มแล้วจ้า อะไรทำนองนั้น บางร้านมีป้ายวางบอกไว้ชัดเจนหน้าร้าน ไม่ต้องโผล่หน้าเข้าไปให้เหวอออกมา

ก่อนเข้าร้าน นายแบบนางแบบประจำทริปไม่ลืมโพสต์ท่าหน้าร้านอย่างเพลิดเพลิน พอเข้าไปในร้าน ปรากฏว่าแคบกว่าที่คิด พื้นที่ครัวดูเหมือนจะใหญ่กว่าพื้นที่นั่งทานราเมงเสียอีก เราต้องนั่งกันที่เคาน์เตอร์เพราะไม่มีโต๊ะว่างเลย ต้องรีบทานรีบไปแบบเกรงใจคนยืนรอหน้าร้าน สองคนพี่น้องเอร็ดอร่อย ใช้ตะเกียบคีบเส้นกันเอง คีบติดบ้างไม่ติดบ้าง สนุกกันไปอีกแบบ

เสร็จจากมื้อเที่ยง เราตรงดิ่งไป Asahiyama Zoo เพื่อไปดูสัตว์แค่สองชนิดเท่านั้น คือ เพนกวินกับหมีขั้วโลก ที่นี่มีอุโมงค์ใต้น้ำให้เดินดูเพนกวิน มีทางเดินวนขึ้นมาจนถึงด้านนอก ได้เห็นเพนกวินแบบใกล้ชิด ส่วนหมีขั้วโลก ต้องใช้เวลาเข้าคิวครึ่งชั่วโมงเพื่อดูโชว์ให้อาหาร แต่ถือว่าคุ้มค่าการรอคอยมาก พี่รักกับน้องโรมได้นั่งติดขอบเลย เป้าหมายหลักคือการโผล่หัวขึ้นไปถ่ายรูปกับหมีขั้วโลกนี่แหละ เท่านี้จริง ๆ และคุณพ่อได้ภาพนั้นสมใจอยากคุณแม่เลย ขอบอกว่าถ้าตัวไม่เล็กและไม่มุ่งมั่นพอจะไม่ได้ภาพนี้แน่ เพราะต้องคลานกระดื้บเข้าไปใต้แผ่นหินแล้วไปทำตัวลีบเขย่งเท้าโผล่หัวขึ้นมาตรงฝาครอบกระจก พร้อมอุ้มน้องโรม คุณแม่แอบกังวลว่าจะมีคนมาต่อคิวรอโผล่หัวถ่ายรูปแบบเรา แต่ปรากฏว่าไม่มีใครมีความพยายามเท่าเราเลย ทุกคนไปมุงกันที่กระจกบานใหญ่กันหมด มีแต่สามคนแม่ลูกคลานเข้าคลานออก อันที่จริงคนอื่นคงนึกในใจว่าเราทำอะไรกัน ที่กว้าง ๆ ดู สบาย ๆ ไม่ดู ก็ถ้าจะสบายขนาดนั้นคุณแม่กลัวลูกจะจำไม่ได้นะครับ ต้องหาจุดเด่นช่วยจำ โตมาคุณแม่จะได้พูดได้ว่า “ลูกเคยมาแล้วนะ ที่เราคลานเข้าถ้ำไปโผล่หัวดูหมีขั้วโลกกันไงครับ”

เสร็จสรรพจากหมีขั้วโลก คุณพ่อบอกเรารีบไปกันเถอะ สัตว์อื่น ๆ ที่เหลือค่อยกลับไปดูที่ซาฟารีเวิลด์ข้างโรงเรียนลูกก็แล้วกัน คืนนี้เราพักเกสต์เฮาส์เล็ก ๆ ซึ่งไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าอยู่นอกเมืองกลางทุ่งนา และใคร ๆ เค้าหลงกันตลอด แผนที่ก็ไม่มี คุณพ่อกลัวจะมืดแล้วขับรถลำบาก โชคดีได้ Map Code มา จิ้มเลขใส่แล้วขับไปตามนั้นเลย

ออกจากสวนสัตว์ได้ไม่นาน เด็ก ๆ หลับกันเรียบ ระหว่างทางที่ Biei มีที่ให้แวะเก็บภาพเป็นระยะ คุณแม่นั่งเฝ้าลูกในรถ คุณพ่อวิ่งไปเก็บภาพ คุณพ่อเป็นโรคแพ้แสงสวย ๆ ภูเขาสูง ๆ กว่าจะถึงที่พัก คุณพ่อจอดถ่ายรูปห้าหกครั้ง ไม่รวมที่ขอให้คุณแม่ช่วยถ่ายตอนรถวิ่งด้วย แต่ก็ไม่ได้ดั่งใจ ต้องจอดถ่ายเองในที่สุด ขนาดว่ารีบนะนี่ สรุปว่าถึงที่พักตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี คุณพ่อไล่คุณแม่เข้าไปติดต่อเจ้าของบ้าน ตัวเองยืนถ่ายรูปต่ออยู่นอกบ้านจนมืดเลย

ส่วนประสบการณ์ฮา ๆ ในการนอนเกสต์เฮาส์ครั้งแรกของพวกเรา ขอเก็บไว้เล่าครั้งหน้าก็แล้วกันนะค้า

 

IMAGERY: From Sapporo to Biei familygallery and From Sapporo to Biei resortgallery

Facebook Comments

Leave a Reply