» » » » ทำไมต้อง บ้านนาต้นจั่น

ทำไมต้อง บ้านนาต้นจั่น

ตอนคุณแม่อายุเท่าลูก ช่วงปิดเทอม คุณแม่ติดสอยห้อยตามคุณตาไปทุกจังหวัด ได้เห็น ใกล้ชิด และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวบ้านมาตลอดเวลา 12 ปีก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ได้พบปะพูดคุยกับนางขี้หมา นายขี้หมา และได้เห็นชาวบ้านหลายสิบคนใช้นามสกุลเดียวกันทั้งหมู่บ้าน บางคนใช้ทั้งชื่อและนามสกุลเดียวกันเลยก็มี ได้กินอาหารหน้าตาแปลกประหลาด อร่อยบ้าง ท้องเสียบ้างสลับกันไป ได้เดินป่า เที่ยวน้ำตกที่ไม่มีใครรู้จัก ยกเว้นคนในหมู่บ้าน ได้มีประสบการณ์เดินหนีไฟไหม้ป่า ถูกหญ้าแฝกบาดเลือดไหลเป็นทางตามจังหวะการสูบฉีดเลือดขณะเดินลงเขา

ทั้งหมดนี้คุณแม่ถือเป็นความโชคดีและเป็นกำไรชีวิตที่ได้ผ่านช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ธรรมชาติและผู้คนขณะอยู่ในวัยเยาว์โดยมีคุณตาเป็นผู้สนับสนุนหลัก เป็นความประทับใจที่คุณแม่ไม่เคยลืมและอยากมีเวลาแบบนี้ร่วมกับลูกชายสองคนของคุณแม่บ้าง

นี่จึงเป็นที่มาของการพาลูกไปเรียนรู้โลกกว้างกับลุงแป๋ว น้องเป๊ก พี่ออย พี่อบ และตาเตี่ยม แห่งบ้านนาต้นจั่น

เราขับรถไปรอไกด์ตัวน้อยที่ร้านกาแฟซึ่งเป็นจุดนับพบเพื่อพาเราไปชมวิถีชีวิตชาวบ้าน คุณพ่อเห็นว่าเราขี่จักรยานกันมาแล้วทั้งที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย บ่ายวันนี้เราจึงเลือกนั่งรถอีแต๊ก (เล็กกว่ารถอีแต๋น) แทนการขี่จักรยาน น้องเป๊กลูกชายลุงแป๋ว เป็นไกด์เด็กอนุบาลที่น่ารักมาก ทั้งแนะนำให้รู้จักกับหมาข้างทาง ชี้ให้ดูบ้านตัวเอง และแนะนำให้รู้จักบ้านหลังอื่น ๆ อีกด้วย ลุงแป๋วกับน้องเป๊กพาเรานั่งรถอีแต๊กไปแวะอชิโฮมสเตย์เป็นที่แรก น่าจะเป็นโฮมสเตย์ใจกลางหมู่บ้านที่หลังใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดจากทั้งหมด 26 หลัง (แน่นอนว่าคุณแม่ไม่เลือกพักหลังนี้) ตามด้วยการดูตุ๊กตาบาร์โหนที่บ้านตาวงษ์ จากนั้นไปดูการทอผ้าใต้ถุนบ้าน ลูกชายคนเล็กไม่พลาดลองทุกอย่างที่ขวางหน้า

จบวันด้วยการชมวิวทุ่งนา น้องเป๊กเจอเพื่อนที่ปากทางเข้าทุ่งก็ทิ้งเราทันที ปล่อยให้เราเดินเข้าทุ่งนากับลุงแป๋ว ทางเดินเข้าทุ่งเต็มไปด้วยต้นพริก ต้นกล้วย ต้นมะนาว ต้นมะละกอ และอื่น ๆ อีกมากมาย ทุ่งนานี้ลุงแป๋วภูมิใจนำเสนอเป็นพิเศษเพราะเป็นนาข้าวของลุงแป๋วเอง ปลูกเองทั้งหมด รวมถึงต้นปอเทืองและดอกดาวกระจายที่ปลายนาด้วย แต่สะพานไม้กลางทุ่ง ชาวบ้านมาช่วยกันทำ เป็นการชมทุ่งนาที่เสียเหงื่อมากเพราะแดดยังร้อน แต่ข้อดีคือไม่มีคนเลย มีแต่ครอบครัวเราเหมือนทุกที่ที่ผ่านมา พอเราเดินออกจากทุ่งก็เริ่มมีกลุ่มอื่นสองสามกลุ่มทยอยกันเข้ามา

ลุงแป๋วพาเราขึ้นรถอีแต๊กกลับมาที่ร้านกาแฟ เจอพี่ออยลูกเขยตาเตี่ยมรออยู่ที่ร้าน พี่ออยบอกให้คุณพ่อจอดรถไว้ที่ร้าน เพราะทางไปบ้านสวนตาเตี่ยมอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้าน 3.5 กิโลเมตร เส้นทางไม่เหมาะกับรถเก๋งสักเท่าไหร่ พี่ออยจะขับรถกระบะพาเราไปส่งที่บ้านเอง

ใช่ คืนนี้เราจะนอนที่บ้านสวนตาเตี่ยม โฮมสเตย์หลังเดียวที่อยู่เชิงเขา ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก (เครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี ตู้เย็น) ใช้แสงสว่างจากแผงโซลาร์เซลล์ มีพัดลมให้คุณพ่อหนึ่งเครื่อง

รุ่งเช้าเราจะเดินจากบ้านสวนตาเตี่ยมขึ้นห้วยต้นไฮเพื่อไปชมทะเลหมอกกัน (การเดินเข้าป่าที่ห้วยขาแข้งกลายเป็นการเดินระดับอนุบาลไปเลย)

ความประทับใจและเรื่องผิดแผนมากที่สุดของทริปนี้ คือช่วงเวลานับจากที่เราเดินก้าวขึ้นบันไดบ้านสวนตาเตี่ยมนี่เอง

(โปรดติดตามตอนต่อไป)

———————————————

“บ้านนาต้นจั่นเป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์ในประเทศไทย ที่ได้รับรางวัล PATA Gold Awards ผลงานด้านมรดกและวัฒนธรรม จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Pacific Asia Travel Association -PATA) เมื่อปี พ.ศ. 2555

บ้านนาต้นจั่นแห่งนี้ยืนหยัดได้ด้วยพลังของชุมชน ที่รัก หวงแหน ภาคภูมิใจในภูมิปัญญา วัฒนธรรมของตน แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมชนบทเพื่อการท่องเที่ยวอันสมบูรณ์แบบ แต่ยังคงอบอวลด้วยวิถีดั้งเดิมโดยแท้”

(www.ldm.in.th/cases/4958)

Imagery: Baan Na Ton Chan familygallery and Baan Na Ton Chan resortgallery

Facebook Comments

Leave a Reply